สูตรหมัก หมูสะเต๊ะ พร้อมวิธีทำน้ำจิ้มรสเด็ดและอาจาด
ส่วนผสมหมักหมู
1.เนื้อหมู ตรงส่วนสันนอกที่มีมันแซมอยู่เล็กน้อยนะครับ จะทำให้เนื้อหมูไม่แข็ง ประมาณครึ่งกิโลกรัม
2.ลูกผักซีให้นำมาคั่วและป่น ประมาณ 2 ช้อนชาครับ
3.ยี่หร่านำมาคั่วและป่นเช่นกัน ประมาณครึ่งช้อนชา
4.ข่าและขมิ้น ให้หั่นละเอียด ประมาณอย่างละ 1 ช้อนชาพูนๆ หน่อย
5.ตะไคร้หั่นแบบบางๆ ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ
6.พริกไทยโขลกละเอียดประมาณปลายช้อนชา
7.เกลือ 1 ช้อนชา
8.น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนชา
9.กะทิ ประมาณ 3 ขีดคั้นเอาหัวกะทิ ครึ่งถ้วยตาง และหางกะทิอีก ครึ่งถ้วยตวงไว้สำหรับพรมหมูตอนย่าง เพื่อให้หมูดูชุ่มฉ่ำน่ากิน ไม่แห้ง
10.ไม้สำหรับเสียบหมู
ส่วนของน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ
1.น้ำพริกแกงคั่ว ประมาณ 3 ช้อนโต๊ะ
2.ถั่วลิสงบดให้เกือบละเอียด ประมาณ ครึ่งถ้วยตวง
3.กะทิ 2 ถ้วยตวง
4.น้ำมันพืชไว้สำหรับการผัดน้ำพริก ประมาณครึ่งถ้วยตวง
5.ลูกผักชีและยี่หร่า นำมาคั่วและป่น ประมาณอย่างละ 1 ช้อนชา
6.เกลือประมาณ 1 ช้อนชา
7.น้ำตาลปี๊ปและน้ำมะขามเปียกอีกประมาณอย่างละ 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำน้ำจิ้มหมูสะเต๊
1.ตั้งกระทะแล้วใส่น้ำมันแล้วจึงนำน้ำพริกแกงลงไปผัดให้หอม
2.ใส่ลูกผักชีและยี่หร่า และค่อยๆ เติมกะทิลงไป ใส่ถั่วลิสงป่นแล้วเคี่ยวให้ข้น
3.ใส่น้ำตาลปี๊ปและเกลือ น้ำมะขามเปียก ปรุงให้ได้รสชาติ เปรี้ยว เค็ม หวาน เผ็ดเล็กน้อย
ส่วนประกอบจาด
1.น้ำส้มสายชูและน้ำตาล ประมาณอย่างละ 1/4 ถ้วย
2.เกลือ 1 ช้อนชา
3.พริกแดง 1 เม็ด (ใครอยากกินเผ็ดๆ ก็ใส่เพิ่มไปได้)
4.หอมซอย ประมาณ 2-3 หัว
5.แตงกวา 3 ลูก
วิธีทำอาจาดหมูสะเต๊ะ
1.หั่นแตกกวาตามยาวจากหัวลงท้ายไม่ให้ขาดให้ได้ 4 ส่วน (หั่นกากบาท) แล้วจึงนำมาหั่นขวาง
จะได้แตงกวาเป็นรูปสามเหลี่ยมสวยงาม หั่นหอมซอย พริกซอย จัดใส่จาน
2.นำน้ำส้มสายชู น้ำตาล เกลือ ผสมน้ำเล็กน้อยขึ้นตั้งไฟอ่อนๆ ให้น้ำตาลและเกลือละลายยกลงวางให้เย็น
แล้วจึงเทใส่ถ้วยรวมกับ แตงกวา หอมซอย และพริกซอย
ขั้นตอนการทำหมูสะเต๊ะ
1.หั่นเนื้อหมูที่เตรียมไว้ให้ได้ขนาดความหนาประมาณครึ่งนิ้ว กว้างประมาณ 1 นิ้ว และยาว 3 นิ้ว
2.โขลกส่วนผสมดังต่อไปนี้เข้าด้วยกัน พริกไทย เกลือ ตะไคร้ ขมิ้น ลูกผักชี ยี่หร่า โขลกให้ละเอียด
แล้วนำมาคลุกกับเนื้อหมู ใส่น้ำตาล และหัวกะทิครึ่งถ้วยตวง หมักไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง
3.น้ำเนื้อหมูมาเสียบไม้และย่าง ระหว่างย่างสังเกตุว่าเนื้อหมูแห้งให้นำหางกะทิมาพรม
ขั้นตอนไม่ได้ยากมากเลยใช่ไหมคะ ลองหัดทำดูเพื่อเป็นอาชีพเสริมได้
ขอขอบคุณสูตรจาก blogspot