วิธีทำ น้ำพริกเผา สูตรดั้งเดิม สำหรับปรุงอาหาร ทำง่าย เก็บได้นาน

วิธีทำ น้ำพริกเผา สูตรดั้งเดิม สำหรับปรุงอาหาร ทำง่าย เก็บได้นาน

 

ส่วนผสมน้ำพริกเผา

1.พริกแห้ง 75 กรัม

2.นิ่มใช้พริกแห้งเม็ดใหญ่ 50 กรัม เม็ดเล็ก 25 กรัม แล้วแต่ว่าชอบเผ็ดมากไหมด้วยคะ

3.กุ้งแห้ง 75 กรัม

4.หอมแดง 200 กรัม

5.กระเทียม 125 กรัม

6.เกลือ 1 ช้อนชา

7.น้ำเปล่า 1 ถ้วย

8.น้ำมันพืชสำหรับผัดน้ำพริก

 

วิธีทำ

วิธีการก็ไม่ได้ยากเนอะ เริ่มต้นก็ให้นำพริกแห้งไปล้างแล้วผึ่งให้สะเด็ดน้ำหน่อย เน้นว่าต้องล้างนะคะ

เพราะว่าพริกแห้งมีฝุ่นเยอะ เวลาเราจะเอามาทำอาหารก็ต้องดูด้วยว่ามีราขึ้นไหม

ตามด้วยปอกกระเทียมล้างน้ำให้สะอาดแล้วก็หั่น

หอมก็เช่นเดียวกันคะถ้ามีเวลาหลังปอกเปลือกเสร็จแช่น้ำใส่น้ำส้มสายชูลงไปหน่อยก็ดีคะจะได้สะอาดๆ

ถ้าอยากทำอะไรที่เก็บไว้ได้นานๆ ของต้องสด สะอาด เท่านั้นคะ

จากนั้นก็นำไปคั่วจนสีเริ่มเปลี่ยนและมีกลิ่นหอม (ปล. กระเทียมเปลี่ยนสีไหม้ไปหน่อย พอดีลืมคน แฮะๆ)

การคั่วก็จะทำให้น้ำมันหอมระเหยของกระเทียม หอม และพริก ออกมาทำให้น้ำพริกหอมขึ้น

แล้วก็จะดึงความหวานธรรมชาติของหอมและกระเทียมขึ้นมาด้วยคะ

หอมพอใช้ได้คะ กำลังโอเค

แล้วก็พริก ช่วงนี้ถ้าคั่วแล้วไม่จามต้องไปเช็คจมูกกันแล้วนะคะ ใครเป็นหวัดคัดจมูกหายทันที 555

จริงๆนิ่มเอากุ้งแห้งแช่น้ำจนพองแล้วก็มาคั่วด้วยแต่พอดีลืมถ่ายรูปมัวแต่อัดวีดีโอ แฮะๆๆ

หลังจากนั้นให้นำพริกแห้งมาตำคะ นิ่มตำพริกแห้งอย่างเดียวก่อนเพราะว่าครกเล็ก

ถ้าใครอยากจะโขลกทั้งหมดรวมกันก็ทำได้เลยนะคะ

จากนั้นก็นำหอม กระเทียม กุ้งแห้งมาตำเข้าด้วยกัน ความละเอียดนี่แล้วแต่ชอบเลยคะ ถ้าชอบละเอียดมากก็ตำให้นานหน่อย

แต่ถ้ากลัวเมื่อยหรือแขนเปลี้ยเพลียจัด ใช้เครื่องปั่นเลยจ้า

จากนั้นก็นำมาผัดกับน้ำมันในกะทะให้หอมใช้ไฟปานกลาง แล้วใส่น้ำเปล่าลงไปเพื่อไม่ให้แห้งเกินไป

พอเริ่มเดือดก็ให้ใส่น้ำมันลงไปอีกเล็กน้อย พร้อมกับใส่เกลือลงไปเท่านี้ก็เสร็จแล้วคะ

นำมาใส่ขวดโหลแก้วที่ต้มด้วยน้ำเดือดฆ่าเชื้อแล้วก็ปิดฝา สามารถเก็บได้นานหลายเดือนคะ

ถ้าเราต้องการที่จะทานน้ำพริกเผาแบบที่ทานกับผักต้มและข้าวสวยร้อนๆ หรือทาขนมปังให้เอาน้ำพริกเผาสูตรนี้

ไปปรุงรสชาติเพิ่มด้วยใส่น้ำปลา น้ำตาลปิ๊บ แล้วก็น้ำมะขามลงไปคะ

แต่โดยปกติจะเอาไว้ทำอาหารคาวมากกว่า เช่นต้มยำกุ้ง ผัดทะเลน้ำพริกเผา ผัดหอยลาย หรือ

จะเอาไว้ใส่ในก๋วยเตี๊ยวต้มยำก็อร่อยนะคะ ใครมีเวลาลองทำกันดูคะ ทำครั้งหนึ่งก็เก็บไว้ทานได้นานเลย

ขอบคุณข้อมูลจาก Diary Delicious สมาชิกเว็บพันทิป

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *